Tuesday, June 07, 2011

Amateur Radio and the Cloud computing networks.

As we understand, the Cloud computing works on-demand of computational resources which are data and software by using a computer network, rather running the whole process on a local computer. The end-users’ computer require minimum software which may require just an O/S and a web browser. The key principle of the Cloud computing is to have computers connected to the Internet to gain a pool of same computing power. The public email for example, Gmail, Hotmail or Yahoo mail are well-know applications that run on the concept of Cloud computing. For the usage outside the corporate enterprises, the data files such as music, pictures, videos and chunk of other type are the main traffic over the Cloud networks. This has created social network economy system that business gain benefits from advertising in both direct and indirect, while the end users are enjoying the low cost or free services.

Although this is a near future trend that will replace the local contents hardware and software, we still see big gaps of uncovered network areas. Not only in the emerging countries, the developed countries also can not confirm the availability of fully-uninterrupted or free from outage. This may not sound serious if some people in the Cloud computing can’t access to their music files some time, but it is very serious if the Cloud access is for life and death situation. For the general-end user, we hope to see the fully-uninterrupted high-bandwidth network cover the whole world available for us in the near future.

In preparing, there are some talks about “How the Cloud computer relate to Amateur Radio?”  For the real operation in digital mode, Amateur Radio has been using RTTY since after the 1849 then later developed to AMTOR, PACTOR, Packet Radio, PSK31, WINLINK and TCP/IP as the most recent. This can consider as a trend of RF works from the Amateur Radio that moving toward the same network, the Internet. This doesn’t include the indirect applications that already run on this network. Anyway, the Amateur Radio networks still strictly operate separately from the non-amateur radio world.

As the Cloud computing becoming a new big thing for the mobile/Smartphone and desktop computers, this technology will get closer to us soon. It will also benefit to the World in Emergencies and Disasters if the Clouds also have gateway link to the Amateur Radio. By providing a gateway convertor to TCP/IP which can transport packet text into Twitter or Facebook to the radio over the air! This will close the gap of accessibility and information gathering from the fields. This can be a starting momentum to develop more applications that support field operations and shorten the gap of generations under the features of Cloud computing networks. 

Phat Kulphaichitra
HS1WFK
June 7th, 2011


How the Cloud computer relate to Amateur Radio?

As we understand, the Cloud computing works on-demand of computational resources which are data and software by using a computer network, rather running the whole process on a local computer. The end-users’ computer require minimum software which may require just an O/S and a web browser. The key principle of the Cloud computing is to have computers connected to the Internet to gain a pool of same computing power. The public email for example, Gmail, Hotmail or Yahoo mail are well-know applications that run on the concept of Cloud computing. For the usage outside the corporate enterprises, the data files such as music, pictures, videos and chunk of other type are the main traffic over the Cloud networks. This has created social network economy system that business gain benefits from advertising in both direct and indirect, while the end users are enjoying the low cost or free services.

Although this is a near future trend that will replace the local contents hardware and software, we still see big gaps of uncovered network areas. Not only in the emerging countries, the developed countries also can not confirm the availability of fully-uninterrupted or free from outage. This may not sound serious if some people in the Cloud computing can’t access to their music files some time, but it is very serious if the Cloud access is for life and death situation. For the general-end user, we hope to see the fully-uninterrupted high-bandwidth network cover the whole world available for us in the near future.

In preparing, there are some talks about “How the Cloud computer relate to Amateur Radio?”  For the real operation in digital mode, Amateur Radio has been using RTTY since after the 1849 then later developed to AMTOR, PACTOR, Packet Radio, PSK31, WINLINK and TCP/IP as the most recent. This can consider as a trend of RF works from the Amateur Radio that moving toward the same network, the Internet. This doesn’t include the indirect applications that already run on this network. Anyway, the Amateur Radio networks still strictly operate separately from the non-amateur radio world.
As the Cloud computing becoming a new big thing for the mobile/Smartphone and desktop computers, this technology will get closer to us soon. It will also benefit to the World in Emergencies and Disasters if the Clouds also have gateway link to the Amateur Radio. By providing a gateway convertor to TCP/IP which can transport packet text into Twitter or Facebook to the radio over the air! This will close the gap of accessibility and information gathering from the fields. This can be a starting momentum to develop more applications that support field operations and shorten the gap of generations under the features of Cloud computing networks. 

Phat Kulphaichitra
HS1WFK
June 7th, 2011

Tuesday, May 31, 2011

มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University) เชิญนักวิทยุสมัครเล่นร่วมทดสอบดาวเทียมจิ๋ว

by Phatanadit Kulphaichitra on Tuesday, 31 May 2011 at 09:29



กลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ได้ร่วมกันพัฒนาดาวเทียมขนาดเล็บมือซึ่งอาจเดินทางไปยังดาวเสาร์ภายในสิบปีข้างหน้า เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบทางเคมี รังสี และผลกระทบอนุภาค ในช่วงที่ชั้นผ่านบรรยากาศ ดาวเทียมจิ๋วต้นแบบสามชุดมีชื่อว่า Sprite (เทพดา) ซึ่งมีขนาดเพียง 1 ตารางนิ้วได้ถูกติดตั้งบริเวณภายนอกของสถานีอวกาศนานาชาติ (MISSE-8) ในปฏิบัติการก่อนหน้านี้ เพื่อศึกษาความคงทนและการส่งสัญญาณจากสภาพแวดล้อมรุนแรงไร้เครื่องป้องกัน

นายเซก แมนเชสเตอร์ (Zac Manchester) จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ได้อธิบายว่า ชิบที่ประกอบขึ้นมาเป็นดาวเทียมจิ๋วนี้จะส่งสัญญาณคงที่เป็นช่วงๆ (Beacons) ด้วยกำลังส่ง 10 มิลลิวัตต์ ที่ความถี่ 902 MHz ในโหมด MSK (Minimum-Shift-Keying) chipping rate 50 kbps ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้เชิญหน่วยงานวิทยุสมัครเล่นผ่านดาวเทียมในสหรัฐอเมริกา (AMSAT) เข้าร่วมการทดลองนี้ เพื่อทดสอบการรับสัญญาณอ่อนๆที่พื้นผิวโลก  

มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ได้จัดทำสถานีภาคพื้นดินซึ่งมีสายอากาศยากิ 18 dBi ต่อร่วมกับ GNU Radio และเครื่องรับ USRP (ดูรายระเอียดที่ www.ettus.com/products) สิ่งที่เป็นความท้าทายในกิจกรรมนี้คืออุปกรณ์จิ๋วที่ติดตั้งกับกับสถานีอวกาศฯ อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับโลก (anti-nadir side) โดยหวังให้เกิดการสะท้อนสัญญาณจากโครงสร้างสถานีอวกาศกลับมายังโลกเพื่อให้สามารถรับสัญญาณได้ //จบ

ข้อคิดเกี่ยวกับงานอาสาสมัคร...

by Phatanadit Kulphaichitra on Tuesday, 24 May 2011 at 10:44

อาสาสมัคร มิได้เป็นแค่ผู้ให้ 

งานอาสาสมัครมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็เป็นช่องทางได้รับผลตอบแทนด้วยเช่นกัน บางคนมีความอึดอัดกับคำว่า "ผลประโยชน์" จากงานอาสาสมัคร เพราะสืบทอดความคิดต่อๆกันมาว่า งานอาสาสมัครเป็นการให้เพียงอย่างเดียว โดยไม่ควรจะรับผลตอบแทนเพื่อตัวเอง ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นเข้าสู่งานอาสาสมัคร มาจากความปรารถนาเพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว งานอาสาสมัครเป็นงานที่ได้รับการแลกเปลี่ยนโดยตรง อาจจะไม่ใช่ด้วยเงินค่าจ้าง แต่จะเป็นอย่างอื่นที่สำคัญมากเช่นกัน  


มา อาสา ทำไม

มีเหตุผลหลายอย่างที่ผู้คนเข้ามาทำงานอาสาสมัคร สำหรับบางคน งานอาสาสมัครเป็นโอกาสสำหรับตัวเองที่จะได้เรียนรู้เรื่องต่างๆที่จะเป็นรากฐานในการพัฒนาอาชีพของตัวเอง โดยจะสรุปได้ดังนี้
- หาความรู้ ประสบการณ์ และความชำนาญใหม่ๆ เพื่อเสริมให้ตัวเองมีความสามารถมากขึ้น
- เพิ่มเติมคุณสมบัติของตัวเองเพื่อประโยชน์ในการสมัครเข้าทำงานในเป้าหมายที่หลากหลายขึ้น
- เพิ่มการเป็นที่ยอมรับในสังคมต่างๆ
- ใช้ความรู้ความสามารถของตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

สำหรับบางกลุ่ม สนใจเป็นอาสาสมัครเพราะผลประโยชน์ทางสังคม เช่น ได้เข้าสังคม ได้พบเพื่อนและกลุ่มคนใหม่ๆ หรือได้รู้จักกับชุมชนท้องถิ่น แต่เหตุผลสำคัญกว่านั้นคือ  
- เป็นการตอบแทนแก่องค์กรที่เข้าไปอาสา ทดแทนแก่ผลงานบางอย่างที่มีผลต่อผู้อาสานั้นทั้งในทางตรงและอ้อม
- ปรารถณาที่อยากให้ผู้อื่นมีชีวิตที่ดีขึ้น
- สร้างกุศลกรรม
- ช่วยเรื่องสภาพแวดล้อม
- ช่วยผู้ด้อยโอกาส
- ต้องการรู้สึกมีคุณค่า
- ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ
- ต้องการความรู้สึกดี นอกเหนือจากชีวิตการงานที่กดดันวุ่นวาย
- สร้างความยอมรับของตัวเองในสังคม
- สร้างความเชื่อมั่นในตัวเองและแรงบันดาลใจ
- หาบทบาทอาสาสมัครที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง 


รวบรวมจาก Volunteering England


ใครทำงานให้ใคร

งานอาสาต่างๆล้วนต้องได้รับคำสั่งหรือการมอบหมายหน้าที่จากผู้บริหารงานทั้งสิ้น การเข้าเป็นอาสาสมัครแก่หน่วยงานใดๆก็ตาม มันเป็นการยอมรับโดยปริยายแล้วว่า เรายอมรับและจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของหน่วยงานนั้นๆ  
แต่ต้องเป็นเงื่อนไขที่ผู้อาสาต้องยอมรับได้เช่นกัน หากเราไม่พร้อมหรือรู้สึกไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย ก็จงอย่าไปร่วมเป็นอาสาสมัครตั้งแต่ต้น หรือขอถอนตัวหากพิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมที่จะอาสาทำงานต่อไป 


การให้ความชื่นชม(Recognize) แก่อาสาสมัคร

คำชื่นชมที่ให้แก่อาสาสมัคร นับเป็นปัจจัยสำคัญเหมือนกับคนทำงานเพื่อค่าจ้างตอบแทน ยิ่งคำชื่นชมเป็นที่รับรู้กว้างขึ้นเท่าไร เปลียบเหมือนมูลค่าสิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หน่วยงานที่ใช้อาสาสมัครในระดับสากลจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก และได้กำหนดแนวทางปฏิบัติไว้ดังนี้

1) คำชื่นชม เป็นเรื่องสำคัญของคนส่วนใหญ่ หากอาสาสมัครมิได้รับคำชื่นชมที่เหมาะสมแล้ว พวกเค้าอาจจะทิ้งงานอาสาที่ทำอยู่ได้ทุกเวลา
2) ให้คำชื่นชมบ่อยๆ เพราะมันอายุสั้น หลังจากอาสาสมัครทำงานผ่านไปช่วงหนึ่งแล้วไม่ได้ยินคำชื่นชม พวกเขาจะเริ่มสงสัยว่าความพยามของนั้นได้รับความขอบคุณหรือไม่ การเก็บรวบรวมการแสดงความชื่นชมไว้ไม่มีประโยชน์ การขอบคุณปีละครั้งไม่เพียงพอ
3) แสดงความชื่นชมในหลากหลายรูปแบบ และให้เหมาะสมต่องานและเหตุการณ์
4) แสดงออกด้วยความจริงใจ เหมาะสมต่อสถานการณ์
5) แสดงความชื่นชมที่ตัวผู้อาสา มิใช่แค่ที่ผลงาน
6) แสดงความชื่นชมให้สมราคาผลงาน เช่นอาสาสมัครช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้สกดคำว่า “แมว” ได้ บอกว่า “เก่งมาก” แต่หากอาสาสมัครช่วยเขียนโครงการณ์หรือระดมทุนสำเร็จ ให้แขวนป้ายใหญ่ๆแสดงความสำเร็จนั้น
7) ให้คำชื่นชมอย่างสม่ำเสมอ เช่นหากมีอาสาสมัครสองคนบรรลุเป้าหมายแบบเดียวกัน การแสดงความชื่นชมไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน หากมันแสดงออกถึงความชื่นชมต่อผลงานที่สำเร็จมา
8) ให้คำชื่นชมอย่างรวดเร็วต่อผลงาน 
9) ให้คำชื่นชม แตกต่างออกไปเป็นรายบุคคล ให้เป็นเรื่องเฉพาะคน เป็นการสร้างคุณค่าต่อความรู้สึกและกำลังใจมากกว่าพิธีการรวมๆ


รวบรวมจาก Hands On Network

Monday, April 18, 2011

เมื่อทุกข่ายสื่อสารล่มสลาย สิ่งที่ช่วยได้คือ วิทยุสมัครเล่น


ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องของวิทยุสมัครเล่น อาจจะได้เคยพบเห็น หรือได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง จากความช่วยเหลือด้านการสื่อสารฉุกเฉิน และภัยพิบัติต่างๆ เช่นพายุเกย์ (Typhoon Gay - 1989 TY 32W) บริเวณอ่าวไทย ที่ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดใกล้เคียงในช่วงปี พ.ศ. 2533 หรือจากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2547 ที่นักวิทยุสมัครเล่นในประเทศไทย ได้รวมตัวกันทำงานเป็นเครือข่ายสื่อสารฉุกเฉินโดยพร้อมเพรียงกัน ตั้งแต่การประสานงานช่วยเหลือจากพื้นที่เกิดเหตุในจุดต่างๆ จนไปถึงการประสานงานระหว่างประเทศ บางคนอาจจะเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Frequency หรือ Contact รวมทั้งรายการโทรทัศน์ที่เป็นนักแสดงตลกจากประเทศอังกฤษ HANCOCK (ตอน The Radio HAM) ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกิจการวิทยุสมัครเล่นทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าการทำเป็นภาพยนตร์อาจจะมีการปรุงแต่งให้วิธีการและเรื่องราวให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นแก่ผู้ที่มิได้เป็นนักวิทยุสมัครเล่นก็ตาม แต่สิ่งที่ออกจะเหมือนๆกันและเข้าใจได้คือ นักวิทยุสมัครเล่นเป็นพวกที่ชอบเล่นกับอุปกรณ์วิทยุเพื่อสื่อสารพูดคุยกันเป็นงานอดิเรก และมีความสามารถที่จะเข้าให้การช่วยเหลือสังคมเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆได้ด้วยความเต็มใจ

ความเป็นมืออาชีพ ของวิทยุสมัครเล่น อาจารย์จำลอง เชื้อไทย (HS1AAM ท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว - Silent key) ได้เคยกล่าวไว้ว่าคำว่าวิทยุสมัครเล่นมีความหมายโดยตรงว่า เป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ทำเป็นอาชีพโดยเฉพาะนักวิทยุสมัครเล่นที่ผ่านการสอบได้รับใบอนุญาตนั้น มาจากหลากหลายอาชีพและความชำนาญ แต่กลับมีความสนใจตรงกันในเรื่องวิทยุสื่อสารและเป็นเรื่องที่เล่นด้วยความสนใจ ในขณะที่เครือข่ายวิทยุสื่อสารอื่นๆเป็นเรื่องที่ต้องทำเพราะเป็นอาชีพ ดังนั้นจึงเกิดความแตกต่างในด้านแรงจูงใจ และความสนุกสนานที่ได้รับ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักวิทยุสมัครเล่นนั่งเฝ้าวิทยุ หรืออุปกรณ์สื่อสารในกิจกรรมได้เกือบตลอดเวลาโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ แต่อย่างไรก็ตามการให้การช่วยเหลือในเหตุการณ์ หรือภาวะฉุกเฉิน ต่างๆ มักจะมีคำต่อว่าต่อขานเกิดขึ้นควบคู่กับคำชมเสมอ จากคำกล่าวของอาจารย์ จำลอง เชื้อไทย นับเป็นความสอดคล้องที่ตีพิมพ์ไว้ในหนังสือคู่มือการสื่อสารฉุกเฉิน(Emergency Communication Handbook – ARRL) ในหน้า 1-1 ที่มีใจความแปลได้ว่า

ความหมายของวิทยุสมัครเล่น ตามความเป็นจริงคือ เรามิได้พยามทำงานนี้เพื่อผลตอบแทน แต่มิได้หมายความว่าความพยาม หรือการปฏิบัติงานของเราจะด้อยกว่าพวกทำงานแบบเดียวกันเป็นอาชีพ การถือว่าเป็นมืออาชีพ (Professionalism) นั้น คือการทำงานให้สำเร็จบรรลุเป้าหมาย อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเกิดความยุ่งยาก
อื่นๆน้อยที่สุด

ดังนั้นการที่นักวิทยุสมัครเล่นเข้าไปช่วยงานของหน่วยงานใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกาชาด (Red Cross) หรือหน่วยราชการอื่นๆตามที่ได้รับการร้องขอให้ช่วยด้านงานสื่อสารฉุกเฉิน (Emcomm) มีข้อคิดที่ควรพิจารณาทำความเข้าใจว่า การเป็นอาสาสมัครแก่องค์กรที่เข้าไปให้การช่วยเหลือนั้น เราไปเพื่อที่จะช่วยเรื่องการสื่อสารฉุกเฉิน ตามสถานการณ์และความเหมาะสมในฐานะนักวิทยุสมัครเล่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยที่ไม่เป็นการสร้างปัญหาเพิ่มหากเรายึดหลักการทำงานแบบนี้จะช่วยลดความรู้สึกที่เป็นผลด้านลบต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะระหว่างเวลาที่วุ่นวายสับสนและเต็มไปด้วยความตึงเครียด

อ่านฉบับเต็ม(แบบ PDF)ได้ที่ http://goo.gl/cfztE

ถ้าอยากตาย...อ่านเรื่องนี้ให้จบก่อน แล้วค่อยไปตาย.. (จาก Buddhamonthon.net ในอดีต)

by Phatanadit Kulphaichitra on Sunday, 10 April 2011 at 06:18

เขียนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2548

Labels:

CB Radio Chat เปลี่ยนโทรศัพท์ Android เป็นวิทยุสื่อสาร

by Phatanadit Kulphaichitra on Monday, 04 April 2011 at 07:17

คลิกดูวิดีโอ http://goo.gl/pEDCD

สำหรับนักวิทยุสมัครเล่น และผู้ที่ชอบคุยชอบฝอยกับเพื่อนๆเป็นกลุ่มๆ โปรแกรม(App) นี้นับว่าน่าสนใจอีกตัวหนึ่ง หลังจากมี Echolink สำหรับนักวิทยุสมัครเล่นที่สอบผ่านได้รับสัญญาณเรียกขานให้ได้ใช้โดยตรงแล้ว CB Radio Chat ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งเปิดกว้างมากกว่า CB เป็นคำย่อมาจาก Citizen-Band ซึ่งหมายถึงย่านความถี่วิทยุที่เปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปใช้งานได้โดยไม่ต่องผ่านการสอบ เหมือนๆกับวิทยุตัวแดงที่บ้านเราใช้กันอย่างแพร่หลายในงานรักษาความปลอดภัย ธุรกิจ หรือผู้ที่ชอบเล่นวิทยุทั่วๆไป CB Radio Chat เป็นโปรแกรมที่ทำให้เครื่องโทรศัพท์ระบบ Android สามารถพูดจาโต้ตอบคุยโม้ฝอยๆ ได้เป็นกลุ่มๆ เหมือนการใช้วิทยุจริงๆ หากแต่การเชื่อมโยงจะมีการหน่วงเวลาส่งข้อความเสียงอยู่บ้างเนื่องจากทำงานแบบ Store and Forward มิใช่ Real Time

CB Radio Chat ทำงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้ได้ทั้ง EDGE, 3G และ WIFI โปรแกรมนี้จะตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งานผ่าน GSP หรือ Hotspot ในขณะใช้งาน ซึ่งจะทำให้กำหนดรัศมีการติดต่อกันได้เริ่มจาก 100 เมตร 10กม 20 กม 100 กม 1000 กม จนไปถึงทั่วทั้งโลก ผู้ใช้ยังสามารถเลือกห้อง หรือกลุ่มสนทนาได้ตามหัวข้อ หรือห้องแยกได้ตามต้องการ (แต่สร้างเองไม่ได้เหมือน Chat room) คุณภาพเสียงและการโต้ตอบที่ได้ทดสอบอยู่ในระดับชัดเจนดีมาก 
ข้อควรรู้สำหรับการใช้โปรแกรมนี้อย่างแรกคือ มันทำงานเหมือนวิทยุสื่อสารที่ต้องมีการกดพูด (Push to Talk) ซึ่งผู้ไม่คุ้นเคยอาจจะต้องจับจังหวะโต้ตอบให้ดี อย่างที่สอง เนื่องจากเป็นรูปแบบของ CB ซึ่งไม่มีการให้ความรู้หรือกำหนดระเบียบแต่ผู้ใช้งาน ดังนั้นจึงจะพบการใช้ภาษาที่บางคนอาจจะทำฟังไม่ได้ การทะเลาะโต้เถียงรวมทั้งไม่รู้จักมารยาทการใช้วิทยุอย่างพวกนักวิทยุสมัครเล่นที่ผ่านการอบรมฝึกฝนมา ปัจจุบันเสียงที่ได้ยินส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ผู้ที่ใช้โทรศัพท์ Android ที่สนใจไปหาได้ใน Android Market (ฟรี)
 โดยพัฒนดิฐ กุลไพจิตร (HS1WFK) เม.ย. 2554


It takes two to Tango!

by Phatanadit Kulphaichitra on Wednesday, 20 October 2010 at 09:10


That is about the dance, but the Tango that meant is about an interesting App for Android and iPhone. This free app will enable free voice and vdo calls over wifi and 3G network, the voice only even works fine on the edge in Bangkok. I already tried this morning after installed the Tango into an iPhone and Android. Amazingly, I conducted vdo call back and forth between 3G and wifi with only minimal effort with quite good quality. Searching to call is just use phone number or email that referred during registration. The invitation to join Tango can be done with build in function, either by email or SMS.

As it said, it takes two to tango, but you can Tango other and other with voice calls and vdo. Let's try and let Tango!

Phat Kulphaichitra 
hs1wfk
20 Oct 2010

Google Sky Map

by Phatanadit Kulphaichitra on Sunday, 17 October 2010 at 19:38


ทั้งที่ไม่ชอบยุงเอามากๆ แต่วันนี้ยอมทนยุงกัดเพราะตื่นเต้นกับการทดสอบ App ที่ทำให้โทรศัพท์ Android กลายเป็นแผนที่ดูดาวที่ไม่ธรรมดาเอามากๆ ว่าไปแล้วออกจะวิเศษเสียด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้เหมือนมีตาวิเศษที่หันไปทางไหนก็จะเห็นทิศทางของดาวต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่จริงแล้วสิ่งที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าคือแสงจางๆของดวงจันทร์ที่ถูกเมฆฝนของวันนี้ปกคลุมเกือบมิด หลังจากเรียก Google Sky Map ขึ้นมา หน้าจอ Android ได้เปลี่ยนไปเป็นแผนที่ดวงดาวที่ไม่เคยพบมาก่อน เพราะภาพที่เกิดขึ้นบนจอสัมพันธ์กับสายตาและทิศทางได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นทิศทั้งสี่และมุมก้มเงยที่สอดคล้องกับความเป็นจริงอย่างเหลือเชื่อ แสงจากดวงจันทร์ผ่านเมฆหนาทำให้รู้ได้เพียงว่าอยู่ในตำแหน่งใด แต่เมื่อหันจอโทรศัพท์ไปยังตำ่แหน่งเดียวกัน ภาพของดวงจันทร์ที่อยู่ใราศีมังกร (Capricorn) ที่มีดาวเนปจูนอยู่ใกล้ๆก็ผุดขึ้นมาอย่างสวยงาม แถมยังค้นหาตำแหน่งของดาวต่างๆได้อย่างง่ายดาย เพียงใส่ชื่อดาวหรือกลุ่มดาวแล้วหันตามไปยังทิศทางตำแหน่งที่มีลูกศรชี้ไปเท่านั้น ทดสอบหันไปหันมาอย่างทรมานเพราะยุงมารุมกัดขาก็ได้ผลที่น่าทึ่งมากจนทนไม่ไหวกลับเข้ามาเขียนบันทึกนี้ สรุปได้ว่าเหลือเชื่อที่จะมีโปรแกรมดีมากๆแบบนี้ให้ใช้โดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม ขอบคุณ Google มากๆสาธุ

Echolink ในโทรศัพท์ Android และ iPhone

by Phatanadit Kulphaichitra on Friday, 15 October 2010 at 09:29

ระบบวิทยุสื่อสารเชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (VoIP, RoIP/Radio over IP) ที่ยังเป็นความนิยมอย่างเหนียวแน่นมาถึงมาถึงปัจจุบัน คือระบบที่ชื่อว่า Echolink ที่ผ่านมาบางคนชื่นชม บางคนต่อต้าน การติดต่อวิทยุสมัครเล่นที่ใช้ตัวช่วยอื่นๆเช่นอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายสายเช่นโทรศัพท์ แต่ประเด็นสำคัญคือความพร้อมในการเข้าถึงเครือข่ายการติดต่อกับนักวิทยุสมัครเล่นจากพื้นที่ต่างๆไม่ว่าจะใกล้หรือไกลเพียงใด การใช้ Echolink ผ่านอินเทอร์เน็ตนับเป็นทางลัดที่มีตัวช่วยมากมาย ตั้งแต่เครือข่ายบริการ อุปกรณ์ต่างๆจากผู้ให้บริการ รวมทั้งผู้คนเป็นจำนวนมากที่ทำงานดูแลเครือข่ายต่างๆ ในขณะที่การติดต่อทางคลื่นวิทยุโดยตรงมีเพียงเราและคู่สถานีและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ความแตกต่างนี้นำมาซึ่งความน่าสนใจและกิจกรรมที่แตกต่างกัน แต่ในด้านบริการแก่สังคม เราคงจำกันได้ดีว่าใจช่วงภัยพิบัติสึนามิเมื่อปลายปี 2547 จนไปถึงต้นปี 2548 Echolink เป็นเครือข่ายสำคัญที่ช่วยเหลือการติดต่อจากพื้นที่ออกสู่โลกภายนอก แถมยังให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐที่ร่วมกันเข้ามาช่วยเหลือ จนภายหลัง มีหน่วยงานราชการบางแห่งพยามพัฒนาระบบการสื่อสารภายในรูปแบบเดียวกันนี้ 

ในช่วงเริ่มต้น โปรแกรม Echolink ได้ถูกออกแบบให้ทำงานเฉพาะบนเครื่อง PC หรือ Mac แบบตั้งโต๊ะ หรือเครื่อง Notebook ที่เชื่อมต่อเข้าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางสายเท่านั้น หากจะติดต่อนอกสถานที่ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องวิทยุสื่อสารเข้ามาเชื่อมโยงการติดต่อ ซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายในบรรดานักวิทยุสมัครเล่นทั่วโลกอย่างรวดเร็วตั้งแต่ในช่วงปี พ.ศ. 2544 ที่ผ่านมา จนกระทั่งประมาณปี 2551 นายโจนาธาน เทเลอร์ (Jonathan Taylor - K1RFD) นักวิทยุสมัครเล่นชาวอเมริกัน ผู้สร้างโปรแกรม Echolink ได้ทำการแนะนำรุ่นที่ทำงานบนโทรศัพท์มือถือ Apple iPhone และล่าสุดเมื่อประมาณเดือน สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา โปรแกรมรุ่นที่ทำงานกับโทรศัพท์มือถือในระบบ Android ก็ได้ถูกแนะนำแก่บรรดานักวิทยุสมัครเล่นทั่วโลกอีกครั้ง โปรแกรม Echolink ทุกรุ่นในทุกระบบ ได้ถูกเผยแพร่ให้ใช้โดยไม่คิดค่าตอบแทน แต่จะใช้ได้แค่นักวิทยุสมัครเล่นที่ผ่านการสอบในแต่ละประเทศเท่านั้น โดยต้องแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวและสัญญาณเรียกขานสากลประจำตัวที่ได้รับอนุญาติอย่างเป็นทางการเท่านั้น นักวิทยุสมัครเล่นผู้ที่ใช้ระบบทั้งสองนี้อยู่สามารถโหลดโปรแกรมได้ฟรีจากส่วนบริการโปรแกรม (App – Applications, App Store/iPhone – Market/Android) ได้โดยตรง 

การใช้งาน Echolink บนเครื่องโทรศัพท์ทั้งสองระบบ จะเป็นการใช้งานผ่าน GPRD/EDGE หรือ 3G เพื่อสามารถเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งแน่นอนว่าจะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าระบบอินเทอร์เน็ตทางสายอยู่พอสมควร หรือหากเป็นการใช้งานในเขตบริการของอินเทอร์เน็ตไรสาย (WIFI) ก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างไร Echolink จะเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือให้ทำงานเหมือนวิทยุสื่อสารเพื่อติดต่อกับเครือข่าย Echolink และกลุ่มวิทยุที่เชื่อมโยงโดยแทบไม่จำกัดระยะทางและประเทศ นักเป็นความสะดวกมากในเวลาที่เดินทางที่อยู่ภายใต้การครอบคลุมของเครือข่ายโทรศัพท์ และเพื่อลดค่าใช้บริการในต่างประเทศ ผู้เดินทางสามารถเลือกใช้ Prepaid SIM ที่มีให้บริการแทนระบบ ROAMING ซึ่งแพงกว่าหลายเท่าตัว 

เรื่อง Echolink บนโทรศัพท์มือถือนี้ มีประเด็นสำคัญที่น่าพิจารณาคือ การสื่อสารแบบเอกภาพ (Unified Communications) ที่รวมการติดต่อสื่อสารหลากหลายมาอยู่ในที่เดียวกัน บนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถึงแม้ยังไม่สามารถทดแทนการสื่อสารฉุกเฉินในภาวะภัยพิบัติได้อย่างเต็มที่ แต่นับว่าเป็นเครื่องมือสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการพัฒนาฝึกฝนและฝึกซ้อมการปฏิบัติการสื่อสารร่วมกันแล้ว เครื่องมือนี้นับว่าเป็นส่วนที่มีประสิทธิภาพต่อการทำงานและประสานงานระหว่างกันเป็นอย่างยิ่ง ทั้งภาคเอกชนและหน่วยราชการ

สำหรับการทดสอบโดยส่วนตัว ผมพบว่าการทำงานบนเครื่อง iPhone ค่อนข้างจะเสถียรกว่าใน Android ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา  แต่เครื่องโทรศัพท์จะราคาต่ำกว่ามาก ปัจจุบันมีเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ออกสู่ท้องตลาดมากมาย มีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคา แต่ที่สำคัญ Echolink จะทำงานใน Android version 1.6 ขึ้นไป

ผู้สนใจดูวีดีโอเพิ่มเติมได้จาก ที่นี่  http://goo.gl/QTqG

-----------------------------------------------
เนื้อหานี้เป็นความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัว
พัฒนดิฐ กุลไพจิตร
HS1WFK
15 ต.ค. 2553
Echolink ใน iPhone และ Android
ทดสอบการเชื่อมโยงเข้าเครือข่ายวิทยุสมัครเล่น

Labels:

ลาก่อน เจ้าด่าง ที่รัก

by Phatanadit Kulphaichitra on Saturday, 04 September 2010 at 20:01

สิบสามปีก่อนหน้านี้ ลูกหมาไทยผสมสองตัวติดตามคนงานก่อสร้างเข้ามาในพื้นที่จัดสรรของโครงการก่อสร้างชานเมืองกรุงเทพมหานคร ตลอดระยะเวลาก่อสร้างเป็นเวลาปีเศษ เจ้าสองตัวนี้ได้เข้ามาอยู่อาศัยและใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างคนงาน กับพี่น้องร่วมท้องอย่างไม่รู้จักกับความทุกข์ร้อนใดๆ หลังจากบ้านหลังนั้นสร้างเสร็จกลุ่มคนงานได้จากไปในเวลาใกล้เคียงกับที่เจ้าของบ้านใหม่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัย แต่ผู้ที่ยังคงอยู่คือเจ้าลูกหมาสองตัวที่ได้เปลี่ยนฐานะจากสุนัขของคนงานก่อสร้าง มาเป็นสุนัขของบ้านใหม่หลังนั้น เป็นวาสนาที่ของหมาที่ได้เปลี่ยนฐานะโดยที่ตัวมันเองก็คงคาดไม่ถึง จากเศษอาหารของคนงานทานเหลือ มาเป็นอาหารที่จัดแบ่งโดยเฉพาะสำหรับสุนัขประจำบ้าน มาเป็นอาหารสำเร็จรูปและอาหารพิเศษต่างๆตามวาระโอกาส เจ้าหมาสองตัวก็ดูเหมือนจะผูกพันธ์กับเจ้าของบ้านมาตั้งแต่ชาติที่แล้วต่างก็แสดงความรักต่อกันได้อย่างราบรื่น แต่ความไม่เท่าเทียมก็เป็นเรื่องประจำโลกนี้อยู่ทุกหนแห่ง เพราะระหว่างหมาสองตัวนี้ ตัวสีขาวนวลมีความน่ารักกว่าอีกตัวที่มีสีน้ำตาลอ่อนและแต้มเหลืองกระจายอยู่เต็มตัว จนได้ชื่อเรียกโดยปริยายว่า “เจ้าด่าง” แต่แล้วความรักที่ลำเอียงก็ถูกโชคชตาเล่นตลกแบบน้ำตาล่วงเพราะเจ้าตัวสีขาวที่เริ่มเป็นที่รักของทุกคนนั้นได้ตายลงอย่างกระทันหัน ความสูญเสียญาติสนิทที่เกิดตามกันมา กลับเป็นโชคใหญ่ของเจ้าด่าง เพราะไม่มีใครมาแบ่งความรักไปจากมันอีก ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นได้ให้ความรักความเอ็นดูต่อเจ้าด่างโดยที่มิได้แบ่งปันไปให้หมาตัวอื่นใด 

จากวันนั้นมา เจ้าด่าง ได้เติบโตจากลูกหมามาเป็นหมาสาวหุ่นดีเหมือนหมาไทยๆขนสั้นที่เห็นกันทั่วไป แต่ความด่างของสีแต้มตามตัวตั้งแต่เกิดมากลับกลายเป็นขนระเอียดนุ่มสวยและดกที่น่ากอดน่าเล่นอย่างไม่มีที่ติด ที่สำคัญเจ้าด่างมีความสนุกขี้เล่น แต่หวงพื้นที่อย่างเอาเป็นเอาตาย เจ้าของบ้านได้รับรายงานจากผู้ช่วยงานบ้านอยู่บ่อยๆว่า เจ้าด่างมักจะกระโดดไปเดินอยู่บนขอบรั้วปูนรอบๆบ้านตอนกลางคืน เหมือนเป็นทหารยามคอยตรวจตราความปลอดภัย ความหวงพื้นที่ของเจ้าด่างเป็นโจทย์ขานกันทั่วในกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และตำรวจสายตรวจในระแวกนั้น เพราะต่างเคยถูกเจ้าด่างวิ่งไล่งับขามากันโดยถ้วนทั่ว และครั้งหนึ่งที่เจ้าด่างเองก็โดนเอาคืนโดยโดนตีคิวแตกเป็นแผลเล็ก เพราะคงไปไล่คนที่จ้องจะแก้แค้นเอาคืนในที่สุด แต่โดยรวมแล้ว ชีวิตเจ้าด่างนับว่ามีความสุขมาก ได้อยู่ในที่ดีๆ มีอาหารและการดูแล รวมทั้งได้รับความรักความอบอุ่นจากเจ้าของบ้านอย่างต่อเนื่อง

ความดื้อและขี้เล่นของเจ้าด่าง ผสมกับความหวงพื้นที่นับเป็นปัญหาสร้างความปวดหัวให้กับเจ้าของบ้านเอาการอยู่ เพราะเมื่อใดที่ประตูเปิด เจ้าด่างมันจะต้องออกไปวิ่งไล่เห่าคนที่เดินผ่านไปมาอย่างน่าโมโห เมื่อเจ้าของบ้านออกไปตาม มันก็จะแกล้งหันมายั่วก่อนที่จะวิ่งๆหยุดๆให้ตามไม่ทัน และทุกครั้งที่หันมามอง ก็เหมือนทำหน้ายิ้มเยอะให้เจ้าของบ้านหงุดหงิดมากขึ้น พอจัดตัวได้ ก็จะทำเป็นเชื่อฟังเดินตามกลับเข้าบ้าน แต่พอเจ้าของทำท่าจะตี เจ้าด่างก็ร้องโอดโอยเหมือนกับโดนตีไปเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่า เจ้าด่างมีมารยาเยอะ เอาตัวรอดไปได้เรื่อยๆ จนมาครั้งสำคัญที่เจ้าด่างไปออกฤทธิ์ กัดคนข้างบ้านเป็นครั้งที่สอง จนต้องพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล จากนั้นมาเจ้าด่างเป็นอันต้องหมดสิ้นอิสรภาพ ด้วยการโดนล๊อกโซ่กับปลอกคออยู่เป็นระยะเวลาหลายปี จะเดินเล่นได้ก็เฉพาะเวลาที่พาออกไปเดิน หรือตามระยะที่โซ่จะยาวไปถึง เพราะนิสัยที่เคยตัวและความสามารถที่กระโดดขึ้นไปบนรั้วขนาน เมตรครึ่งทำให้เจ้าของบ้านไม่มีทางเลือกนอกจากล่ามเจ้าด่างเอาไว้ และในที่สุดเจ้าด่างก็ได้อิสระภาพอีกครั้งหลังจากที่ไม่แสดงอาการออกฤทธิ์แบบเดิมอีก แต่ก็เป็นเวลาหลายปีผ่านไป

เมื่อเข้าปีที่ 10 เจ้าด่างที่เคยดุดันในสายตาคนภายนอก กลับกลายเป็นหมาที่น่ารักสำหรับทุกคน เพราะมันจะเลือกเห่าเฉพาะคนแปลกหน้าที่แต่งตัวเหมือนคนงานก่อสร้าง แต่ยังคงทำศึกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบอย่างต่อเนื่อง เว้นแต่ว่ามีแต่เสียงโดยไม่มีเจตนาจะทำร้ายอย่างจริงจังแต่อย่างใด แม้จะอายุมากแล้วแต่ความขี้เล่นยังคงมีอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่เจ้าของบ้านตกอยู่ในความทุกข์เหม่อลอย เจ้าด่างจะเข้ามาคลอเคลีย ทำหน้าทะเล้นหลอกล่อให้เล่นด้วยเหมือนในช่วงที่ผ่านมาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แถมเกิดอาการแผลงๆเช่นเวลาจะดื่มน้ำในอ่างที่เตรียมไว้ให้ ก็จะเอาเท้าทั้งสองแช่ไปด้วย แถมยังเอาเล็บเท้าขูดๆอ่างเหมือนจะขุดเพิ่มให้มันลึกกว่าเดิม อาการที่เห็นได้บ่อยๆคือการที่ลงไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมา ยกขาทั้งสี่ชี้ฟ้า หรือนอนยกขาหน้าเอาอุ้งเท้าประกบกันขยับๆเหมือนนอนไว้เทวดาบนฟ้าประลกๆ เป็นที่น่าขบขัน ที่ไม่เคยขาดหายไปไหนเลยคือสายตัวเป็นประกายที่แฝงไว้ด้วยความสุข เหมือนยิ้มด้วยตาอยู่ทุกครั้งที่หันมามองเจ้าของบ้าน ซึ่งฉันจำได้ดีเมื่อปีที่สิบสามมาถึง เจ้าด่างก็ไม่สามารถฝืนความร่วงโรยของสังขารไปได้ ความแก่ชราเข้ามาเปลี่ยนความกำยำล่ำสรร จากความปราดเปรียวสวยงาม เป็นความเชื่องช้าและเริ่มที่จะช่วยตัวเองไม่ได้ บางครั้งมีอาการไอและหอบเป็นระยะๆ แต่เจ้าด่างก็ยังรักษากิจวัตรที่ต้องออกไปเดินนอกบ้านรักษาถิ่นเหมือนทุกวันช่วงที่มีอิสระเป็นปีๆที่ผ่านมา แต่เมื่อกลับเข้ามาแล้วก็จะมานอนพักเหมือนไปออกแรงมากๆจนเหนื่อยอ่อนและหลับไปในที่สุด อาการเหล่านี้เป็นที่จับตามองโดยเจ้าของบ้านที่รักและผูกพันธ์กับเจ้าด่างมาตลอดเวลาสิบสามปี 

และวันสุดท้ายก็มาถึง เมื่อเช้าที่ผ่านมา เจ้าด่างยังคงใช้ชีวิตเหมือนเช่นทุกวัน ตั้งแต่เช้า บ่ายจนกระทั้งเข้าช่วงเย็น ในเวลาที่ความพลัดพรากก็มาถึงนั้น ฉันได้ทราบว่าเจ้าด่างถูกรถของคนในซอยถัดไปชนตายห่างจากประตูบ้านไปไม่กี่สิบเมตร  เมื่อฉันไปถึง เจ้าด่างได้สิ้นใจไปแล้ว ฉันได้แต่เข้าไปอุ้มมันเข้าบ้าน ยังได้สัมผัสขนนุ่มๆฟูของมันเป็นครั้งสุดท้าย ถึงแม้จะเตรียมใจไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่า เวลาของเราที่จะอยู่ร่วมบ้านกันเหลือน้อยลงทุกวัน ก่อนหน้านั้นวันเดียว ฉันยังนึกในใจเพื่อบอกกับมันว่าหากไม่ไหวแล้วก็ไปเถิดนะ อย่าทรมารต่อไปอีกเลย แต่ในที่สุด เจ้าด่างมิได้ตายจากไปโดยความชรา แต่กลับเป็นอุบัติเหตุที่ไม่น่าเกิดขึ้น ฉันได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้ ลูบหัว ปิดตามัน และขอให้มันไปสู่ชาติที่ดีกว่าเดิม ฉันอยากจะบอกมันอีกครั้งว่า ลาก่อนนะ เจ้าด่าง ขอบคุณสำหรับความสุขความสบายใจในช่วงที่ผ่านมา...ขอบคุณมาก

พัฒนดิฐ
4 กันยายน 2553

Labels:

เหนื่อยไหมกับชีวิตแบบนี้

by Phatanadit Kulphaichitra on Monday, 15 February 2010 at 19:17


"Anything which is subject to change and which can be destroyed cannot be real"

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงหรืออาจจะเสียหายได้นั้น ไม่ใช่สิ่งแท้จริงที่จะไปยึดติด ความพยามฝืนกฏนี้ จะเหมือนว่ายทวนกระแสน้ำ ที่ต้องพยามอยากหนักและเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก ซึ่งแค่หยุดพักก็จะถูกน้ำพัดกลับถอยหลังไปอีก...

ความอยากและความศรัทธา เป็นแรงผลักดันให้คนเราทำสิ่งต่างๆโดยไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในทิศทางใด กระแสที่หมุนวนอยู่รอบตัวนั่นจะเป็นแรงต้านหรือแรงส่ง...

การใช้ชีวิตในแต่ละวันให้หมดไปกับกิจกรรมต่างๆเพียงเพราะว่ามันสร้างความหวังหรือทำให้ลืมความขมขื่นบางอย่างในชีวิต มันเป็นเป้าหมายหรือ...

สุดท้ายทุกสิ่งมันจะกลับคืนสู่ทิศทางของธรรมชาติ ไม่ว่าตลอดเวลาเราจะออกนอกเส้นทางไปทิศทางใด จะทวนหรือตามกระแส ทุกคนจะมาบรรจบที่จุดเดียวกัน...

ลองหยุดนิ่งและพิจารณาความอยากทั้งหลายในใจดูว่ามันคุ้มค่ากับความพยามหรือไม่ และถ้าได้มันมาแล้วมันจะจบ หรือมันจะอยากอะไรต่อไปอีก...

....เหนื่อยไหมกับชีวิตแบบนี้

การสื่อสารแบบเอกภาพ

by Phatanadit Kulphaichitra on Tuesday, 02 February 2010 at 08:10

(ผมตั้งเอง จากคำว่า Unified Communications) มีความจำเป็นสำหรับการสื่อสารภายในองค์กรทุกรูปแบบ รวมทั้งการสื่อสารส่วนบุคคลที่ใช้ชีวิตอยู่บนสื่อและช่องทางแบบหลากหลายเช่นที่เป็นอยู่ในชีวิตปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่ต้องการได้รับคือ ลดความยุ่งยากในการทำงานและใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีต่างๆ ติดต่อสื่อสารกันได้เร็วและถูกต้องถึงแม้จะอยู่ในระบบบริการที่แตกต่างกัน สามารถรอดพ้นจากความเสียหายและทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุกสภาวะ ทุกสถานที่และในทุกเวลาที่ต้องการ วิทยาการในปัจจุบันได้ครอบคลุมการสื่อสารไว้ทั่วทุกตารางนิ้วของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระบบการสื่อสารเอกภาพจะเป็นตัวจัดค้นหาและเชื่อมโยงการสื่อสารที่ต้องการทั้งแบบทางเดียว(เช่นการกระจายเสียงและรับข่าวสาร) และแบบสองทาง (เช่นการพูดคุยสนทนา) โดยใช้อุปกรณ์ที่จำเป็นน้อยที่สุด เช่นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบในระบบการทำงานเช่น Symbian, Windows Mobile, Android หรือระบบปฏิบัติการเฉพาะแบบอื่นๆ ที่สามารถรองรับการติดต่อหลากหลายรูปแบบทั้งเสียงและข้อมูล รวมทั้งในบางระบบ ยังมีการบรรจุคุณสมบัติของวิทยุสื่อสาร ทั่งระบบติดต่อกันโดยตรง และผ่านศูนย์บริการไว้อีกด้วย หน่วยงานธุรกิจต่างเห็นความสำคัญในการเชื่อมโยงการสื่อสารแบบเอกภาพนี้ภายในองค์กรของตัวเอง ถึงแม้จะต้องเพิ่มงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกมาก แต่สำหรับองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร โอกาสใช้ของสำเร็จรูปเป็นไปได้ยาก แต่หากสนใจเจาะจงใช้ความรู้เพื่อพัฒนาเป็นเทคโนโลยี แบบประหยัดเพื่อใช้ในหน่วยงานตัวเองแล้ว ความสามารถที่ได้จะไม่ต่างจากระบบสำเร็จราคาแพงมากเท่าไร อาจจะไม่สวย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ใกล้เคียงกัน เรื่องง่ายๆใกล้ๆตัวมีอีกเยอะหากจะตั้งใจพิจารณา....

http://www.youtube.com/watch?v=MV0H_NafqlQ

หายนะที่ประเทศเฮติ ภัยธรรมชาติ หรือภัยข้ามขาติ

by Phatanadit Kulphaichitra on Friday, 22 January 2010 at 19:18

มีการพูดถึงโครงการณ์ HAARP ว่าอาจจะอยู่เบื้องหลังภัยพิบัติครั้งนี้
(โดย HS1WFK)

High Frequency Active Auroral Research Program – HAARP

ที่มาโดยย่อ:

เป็นโครงการวิจัยของสหรัฐอเมริกาที่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1993 โดยดำเนินการร่วมกันระหว่างกองทัพบก กองทัพเรือ มหาวิทยาลัยอลาสกา และสำนักงานวิจัยโครงการเพื่อป้องกันประเทศ โดยมีเป้าหมายในการวิเคราะห์และสำรวจผลการเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศไอโอโนสเพียร์ (Ionosphere) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่สูงที่สุด คือสูงจากพื้นโลกประมาณ 50-500

กลไกหลักของ HAARP คือการส่งสัญญาณวิทยุย่านความถี่ HF ระหว่าง 2-10 MHz ด้วยกำลังส่ง 3.6 MW (Mega Watts – ล้านวัตต์) จากสนามสายอากาศที่เรียงตัวกันขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ (ยิงขึ้นฟ้า) โดยตรง ด้วยสัญญาณเป็นช่วงๆ (Pulse) หรือต่อเนื่อง (Continuous) ผลที่ได้จากการส่งวิทยุนี้จะถูกบันทึกและวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือหลากหลายรวมทั้งอุปกรณ์เรดาร์ในย่านความถี่ VHF, UHF, HF และภายถ่ายต่างๆ ผลการศึกษาได้พบว่าการทดลองดังกล่าว มีผลต่อสภาพดินฟ้าอากาศมากกว่าผลที่เกิดจากระบบสุริยะโดยตรง
จุดเริ่มต้นของปัญหา:

มีการบันทึกว่าสถานีส่งวิทยุในโครงการ HAARP นี้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นทั่วโลก และทำงานสอดคร้องตามการควบคุมของโครงการวิจัยโดยสหรัฐอเมริกา มีการกล่าวหาว่าสถานีส่งทั้งหมดนี้เมื่อทำงานประสานกันแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกที่ปกติเกิดขึ้นโดยธรรมชาติได้ เช่น สามารถทำการเปลี่ยนแนวลมกรด (Jet Stream คือแนวลมชั้นบนระหว่างเส้นแบ่งระหว่างชั้นโทรโพสเฟียร์กับสตาโตสเฟีนร์ ที่มีความเร็ว 200-400 กม/ชั่วโมง) ทำการกระตุ้นให้เกิดพายุลมแรงขนาดใหญ่ รวมทั้งคาดว่าจะนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนแนวการเคลื่อนตัวของพายุเฮอริเคนได้ในอนาคต ถึงแม้ว่าเจ้าของโครงการณ์จะกำหนดวัตถุประสงค์ไว้แค่การศึกษาชั้นบรรยาการดังที่กล่าวมา แต่ผู้ที่ได้เฝ้าจับตาดูโครงการณ์นี้พบว่า ตั้งแต่เริ่มเปิดเผยข้อมูลในปี 1994 จนมาถึงปี 2007 เป็นที่สอดคร้องว่าโลกได้พบกับเรื่องของภัยธรรมชาติที่ผิดปกติจากอดีต ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม เฮอริเคน หรือแม้กระทั่งแผนดินไหว นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าเครื่องส่งของ HAARP สามารถรวมกำลัง (Beaming) ซึ่งจะเกิดสนามพลังและความร้อนในระดับที่จะทำลายเครื่องบิน ดาวเทียม ได้เช่นกัน นอกจากนี้การควบคุมพลังงานดังกล่าว ยังสามารถทำให้เกิดการหักเหหรือสะท้อนกลับมายังจุดที่ต้องการบนผิวโลกได้อีกด้วย ปัจจุบันเชื่อว่ามีสถานี HAARP อยู่ 20 แห่งทั่วโลก ผลจากการกระตุ้นด้วยพลังงานระดับสูงโดยสถานี HAARP นี้ เชื่อว่าทำให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟประทุ มีนักวิชาการได้เปรียบเทียบพลังงานที่เกิดขึ้นจากการทำงานของ HAARP ว่าเทียบเท่ากับพลังจากโรงไฟฟ้าถึงร้อยแห่งรวมกัน ซึ่งผลการทดลองแบบนี้อาจจะสร้างความเสียหายต่อโลกโดยที่ไม่อาจจะแก้กลับคืนมาได้ และล่าสุด มีการกล่าวหาโครงการณ์ HAARP ว่าอยู่เบื่องหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติเมื่อวันอังคารที่ 12 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา
(สนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยใช้คำว่า HAARP ใน Google และ Youtube)


Push To Talk ฮาโหลๆ ว 2 เปลี่ยน....

by Phatanadit Kulphaichitra on Thursday, 10 December 2009 at 17:20


เคยได้ยินคำว่า Push To Talk (PTT) มั๊ยครับ หลายๆท่านอาจจะพอคุ้นๆกับชื่อนี้ในสมัยที่ค่ายโทรศัพท์มือถือเสนอให้บริการสื่อสารเป็นกลุ่มแต่ไม่ประสบความสำเร็จจนได้เลิกไปในที่สุด PTT เป็นบริการที่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อเช่นเดียวกับวิทยุสื่อสารคือกดพูดโต้ตอบกับกลุ่มคนที่สื่อสารกันเป็นประจำโดยไม่ต้องกดหมายเลขโทรศัพท์ และติดต่อกันได้เป็นกลุ่มพร้อมๆกัน บริการนี้จะมีให้บริการอยู่ในสหรัฐอเมริกา การเป็นนักวิทยุสมัครเล่นที่ชอบการติดต่อแบบวิทยุ โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนทำให้ผมพยาม ค้นหาวิธีการต่างๆที่ จนในที่สุดผมได้พบกับโปรแกรมสื่อสารที่ทำให้เครื่องตระกูล Pocket PC (Window Mobile) สามารถติดต่อแบบ PTT ได้ทั้งผ่าน WiFi และ GPRS และข้อสำคัญ ไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติม หลังจากการติดตั้ง เราจะสามารถกดปุ่มเรียกสนทนาสลับไปสลับมาเหมือนการใช้วิทยุกับเพื่อนเป็นบุคคล หรือเป็นกลุ่มได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย ตราบเท่าที่ทุกคนยังสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจาก WiFi หรือ GPRS/EDGE ได้จากทุกแห่งในโลก 
โปรแกรมนี้ชื่อว่า Loudtalks ซึ่งจะ download มาติดตั้งใช้งานได้อย่างง่ายดาย ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีเราจะพร้อมทำการติดต่อกับเพื่อนๆที่ใช้โปรแกรมเดียวกันนี้ 

สำหรับเครื่อง PC / Notebook 
http://loudtalks.com/download/ 

สำหรับเครื่องมือถือระบบ Window Mobile Pocket PC 
http://loudtalks.com/download_mobile/ 

หลังจากติดตั่งเสร๊จ โปรแกรมจะให้เรากำหนด User name และ Password ก็ให้เลือกชื่อตามใจชอบ (แต่น่าจะให้รู้ได้ว่าใครเป็นใคร) หากไม่ซ้ำกัน ก็จะสามารถจองใช้ชื่อนั้นๆได้ (นักวิทยุสมัครเล่นก็จะใช้ สัญญาณเรียกขานตัวเองโดยความเคยชิน) หากยังไม่มีเพื่อนคุยด้วย ก็ไปทดสอบกับ หุ่นยนต์ที่ชื่อว่า echo โดยแตะเลือกให้เกิดเป็น highlight แล้วคลิก หรือแตะที่แถวเขียวที่มีตัวกลมกินสามเหลี่ยม (ผมเรียกว่าตัว pacman ดูคล้ายๆกัน) แตะแช่ไว้จนได้เสียง กลิกๆ แล้วพูดทดสอบเข้าไปได้เลย พอปล่อยมือสักครู่จะได้ยินเสียงที่เราพูดทดสอบไปดังกลับเข้ามา แสดงว่าประสบความสำเร็จแล้ว จากนั้นก็ไปอ้อนวอน หลอกล่อเพื่อนๆที่มี PC หรือ Pocket PC ให้ไปติดตั้งและดำเนินตามขั้นตอนดังกล่าวเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการขั้นแรก เมื่อได้ชื่อ user name ของเพื่อนมาแล้ว ก็ให้เข้ามา Add a contact จาก Menu หรือ Tools แล้วแต่ระบบ ใส่ user name ของเพื่อนเข้าไป ดำเนินการตามที่โปรแกรมบอกเป็นอันเสร็จสิ้น ทางผู้ที่ถูก Add จะได้สัญญลักณ์รูปธงเขียวๆเกิดขึ้นทางมุมขวาล่าง ซึ่งต้องคลิกเพื่ออนุญาติให้ติดต่อได้ ถึงตอนนี้เป็นอันเสร็จขั้นตอน นั่งคุยนอนคุยกันได้ยาวจนแก่ หากยังหาเพื่อนเล่นไม่ได้ ก็ลอง Add ชื่อ hs1wfk เข้ามานะครับ หากเปิดอยู่ก็จะสามารถติดต่อคุยกันได้ 

Labels: